บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

การเข้าหัว RJ - 45 แบบตรง และ แบบไขว้

--การเข้าหัว RJ - 45 แบบตรงและแบบไขว้

     การเข้าหัว RJ - 45 แบบสายตรง


            การเข้าหัว RJ - 45 แบบสายไขว้




              --> วิธีการเข้าหัวสายแลน แบบตรงและแบบไขว้


1. สาย CAT 5 (สายแลน) ตามความยาวที่ต้องการ แต่ไม่ควรเกิน  100 m.





2. คริมเข้าหัว RJ-45





3. หัว RJ-45 ใช้สองหัว ต่อหนึ่งเส้น





ต่อไปมาดูวิธีการเข้าหัวกัน
1. ปลอกเปลือกนอกของสาย CAT5 ออก โดยห่างจากปลายสายประมาณ 2-3 cm.   ใช้คัตเตอร์หรือมีดปลอกเปลือกที่มากับคริม





ระวังอย่าให้สายข้างในขาด สายภายในจะเป็นเกรียวกันเป็นคู่  สี่คู่ สี่สี





2. คลายเกรียวออกทั้งหมด




3. จับเลียงลำดับสายใหม่ดังนี้หากต้องการทำสายตรง  (ใช้สำหรับเครื่องคอมไป Hub) ให้เรียงสีดังนี้ทั้งสองข้าง    ขาวส้ม ส้ม ขาวเขียว ฟ้า ขาวฟ้า เขียว ขาวน้ำตาล น้ำตาล

ส่วนสายครอส ให้เรียงตามนี้ข้างหนึ่ง  (สำหรับต่อคอมกับคอม)  ขาวเขียว ส้ม ขาวส้ม ฟ้า ขาวฟ้า เขียว ขาวน้ำตาล น้ำตาล   และอีกข้างหนึ่ง  ขาวส้ม เขียว ขาวเขียว ฟ้า ขาวฟ้า ส้ม ขาวน้ำตาล น้ำตาล


4. หลังจากเรียงสายเรียบร้อยแล้ว จับสายที่เรียงให้แน่น อย่าให้สลับแล้วสอดเข้าหัว RJ-45 ให้สุดปลอก



ดูว่าสายทุกสีเข้าจนสุดปลอกแล้ว



5. นำสายพร้อมปลอกเข้าครีมแล้วบีบสุดแรงเกิด


วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย





ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นของระบบเครือข่าย



ฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจำนวนอุปกรณ์จะมีความซับซ้อนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร หรือประเภทของระบบเครือข่าย ตัวอย่างเช่น ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น หรือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระยะใกล้

(Local Area Network : LAN) ฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้ ได้แก่
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer)
               เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายนั้นสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เครื่องแม่ข่าย และ เครื่องลูกข่าย

1.1 เครื่องแม่ข่าย

          เครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) ควรเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถคำนวณหรือประมวลผลได้รวดเร็ว มีหน่วยความจำสูง ใช้เป็นศูนย์กลางการเก็บข้อมูลและประมวลผลของระบบเครือข่าย ในระบบเครือข่ายขนาดเล็กมักจะไม่มีเครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์เนื่องจากมีราคาสูง แต่อาจใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเดียวกับเครื่องลูกข่ายแทน หรือไม่มีเครื่องแม่ข่ายเลยก็ได้

1.2 เครื่องลูกข่าย
                เครื่องลูกข่ายหรือเครื่องไคลเอนต์ (Client) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพสูงเท่าเครื่องแม่ข่าย แบ่งออกเป็น ประเภท คือ

                 1.2.1 เครื่องเวิร์กสเตชัน (Workstation) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลด้วยตนเองสามารถทำงานได้เร็ว เพราะไม่ต้องรอรับผลจากเครื่องแม่ข่าย เครื่องเวิร์กสเตชันเมื่อออกจากระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์สแตนด์อโลน แต่ค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษา จะสูงกว่าเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัล
                1.2.2 เครื่องเทอร์มินัล (Terminal) เป็นเครี่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ด้วยตนเอง มีความสามารถในการทำงานช้า เพราะต้องรอการประมวลผลจากเครื่องแม่ข่ายเท่านั้น เครื่องเทอร์มินัล ประกอบไปด้วย จอคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และเมาส์ เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลและส่งข้อมูลไปยังเครื่องแม่ข่าย ทำให้ประหยัดค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างมาก เครื่องเทอร์มินัลเมื่อออกจากเครือข่ายจะไม่สามารถทำงานได้แต่การดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัล จะง่ายกว่าระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเวิร์กสเตชัน

2. แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card : NIC)
                 หรือนิยมเรียกกันว่า แลนการ์ด(Lan Card) ใช้สำหรับต่อสายนำสัญญาณของระบบเครือข่าย ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสารส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายได้

รูปแสดงตัวอย่าง แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ PCI

รูปแสดงตัวอย่าง แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ USB

3. สายนำสัญญาณ (Cable)
                  3.1 สายคู่บิดเกลียว (Twisted – Pair Cable)
สายคู่บิดเกลียวประกอบด้วยสายทองแดง ที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก หลังจากนั้นก็นำสายทั้งสองมาถักกันเป็นเกลียวคู่ เพื่อช่วยลดสัญญาณรบกวนภายในสาย สายคู่บิดเกลียวมีอยู่ รูปแบบ คือ
3.1.1  สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มีชีลด์                                                          
(Unshielded Twisted –Pair Cable :UTP)
 
3.1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบมีชิลด์                                                         
(Shielded Twisted –Pair Cable :STP)

                   ข้อดี      ราคาถูก  มีน้ำหนักเบา  ง่ายต่อการใช้งาน
                       ข้อเสีย     มีความเร็วจำกัด  ใช้กับระยะทางสั้นๆ

3.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
                   สายโคแอกเชียลประกอบด้วยสายทองแดงจะถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติก จากนั้นก็จะมีชิลด์ห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน และหุ้มด้วยเปลือกนอกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสายโคแอกเชียลที่เห็นได้ทั่วๆไป คือ สายที่นำมาใช้ต่อเข้ากับเสาอากาศโทรทัศน์ที่ใช้ตามบ้าน

                    ข้อดี    เชื่อมต่อได้ในระยะไกล  ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี
                    ข้อเสีย    มีราคาแพง   สายมีขนาดใหญ่   ติดตั้งยาก

3.3 สายไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic)
                 สายไฟเบอร์ออปติคหรือสายใยแก้วนำแสง เป็นสายที่ใช้คลื่นแสงส่งผ่านไปยังตัวกลางใยแก้ว มีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก ทำให้สามารถส่งสัญญาณด้วยความเร็วสูงและได้ระยะทางที่ไกลขึ้น
 
รูปแสดงตัวอย่าง สายไฟเบอร์ออปติคสำหรับใช้ภายในอาคาร
 
 รูปแสดงตัวอย่าง สายไฟเบอร์ออปติคสำหรับใช้ภายนอกอาคาร
                  ข้อดี มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา   มีความปลอดภัยในการส่งข้อมูลมีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
                 ข้อเสีย เส้นใยแก้วมีความเปราะบาง  แตกหักง่าย มีราคาสูง  เมื่อเทียบกับสายเคเบิลทั่วไปมีขั้นตอนในการติดตั้งที่ยุ่งยากและซับซ้อน

4. ฮับ/สวิตช์ (HUB/Switch)
                  ฮับ กับ สวิตช์ เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายเข้าด้วยกัน มีรูปร่างลักษณะภายนอกคล้าย ๆ กัน แต่มีความสามารถในการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้
                  4.1 ฮับ (HUB) มีหน้าที่ในการจัดการสัญญาณที่ส่งมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ กระจายสัญญาณต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ทุกเครื่อง หากมีการส่งสัญญาณพร้อม ๆ กันจะทำให้ความเร็วของการส่งสัญญาณในระบบเครือข่ายลดลง ดังนั้น HUB จึงไม่เหมาะกับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ เพราะมีปัญหาเรื่องความเร็วในการสื่อสาร


                    4.2 สวิตช์ (Switch) จะมีความสามารถในการทำงานมากกว่า Hub โดยที่อุปกรณ์ Switch จะทำงานในการ รับ-ส่งข้อมูล ที่สามารถส่งข้อมูลจากพอร์ตหนึ่งของอุปกรณ์ ไปยังเฉพาะพอร์ตปลายทางที่เชื่อมต่ออยู่กับอุปกรณ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการส่งข้อมูลไปหาเท่านั้น ซึ่งจากหลักการทำงานในลักษณะนี้ ทำให้พอร์ตที่เหลือของอุปกรณ์ Switch ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับ-ส่งข้อมูลนั้น สามารถทำการ รับ-ส่งข้อมูลกันได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ในปัจจุบันอุปกรณ์Switch จึงได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานในระบบเครือข่ายมากกว่า ฮับ (Hub)
รูปแสดงตัวอย่าง สวิตช์ (Switch)

การใช้งานโปรแกรมTeam Viewer


การใช้งานโปรแกรมTeam Viewer




การใช้งานจริง เวลาจะรีโมตเข้าเครื่องอื่น (หรือมีเครื่องอื่นอยากรีโมตเข้าเครื่องตัวเองที่ใช้ปัจจุบัน)
คอนเซ็ปต์การใช้ง่ายๆ  เพียงให้เครื่องคุณและเครื่องของเพื่อนเปิดหน้าต่างโปรแกรมขึ้นมาจะขึ้นข้อมูลประจำเครื่องของตัวเอง ได้แก่ รหัสเครื่อง (Partner ID) และรหัสผ่าน (Password)ซึ่งจะสุ่มขึ้นใหม่ทุกครั้งที่มีการเปิดโปรแกรมใหม่ เราจะใช้ข้อมูลทั้งคู่ในการรีโมตหาอีกฝ่ายแล้วเครื่องที่อยากรีโมตไปหาอีกเครื่องหนึ่ง ให้พิมพ์รหัสของอีกเครื่อง (Partner ID) ที่โชว์อยู่บนเครื่องของเพื่อน

-   เลือก Remote Control > กด Connect to Partner แล้วพิมพ์ Password ที่ขึ้นบนเครื่องของเพื่อนอีกทีก็รีโมตได้แล้ว


            มาดูที่หน้าต่างโปรแกรมเมื่อเปิดขึ้นมากัน
             ดูเฉพาะที่แถบ Remote Control (แถบที่โชว์ให้เห็นเริ่มต้น) จะเห็น Partner Id และ Password สำหรับรีโมตเข้าเครื่องเราทีนี้สมมติเราเองเป็นฝ่ายอยากรีโมตไปหาเพื่อน ก็ให้เพื่อนเปิดหน้าต่างโปรแกรมนี้ แล้วบอก Partner ID/Password มา สมมติเป็น 123456 และ 7105  แล้วเราก็พิมพ์ Partner ID ของเพื่อน (123456) เลือก "Remote Control" และคลิก "Connect to Partner" 






จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาถามรหัสผ่าน (Password) ก็กรอกของเพื่อนลงไป (7105)




แค่นี้ก็จะขึ้นหน้าต่างโชว์เดสก์ท็อปของเพื่อนมาให้เรารีโมตได้แล้วครับ พออยากจะปิดการรีโมตก็แค่ปิดหน้าต่าง หรือกดกากบาทแดงด้านบนเท่านั้นเอง



การแชร์อินเตอร์เน็ต Wireless ด้วย Windows 7


การแชร์อินเตอร์เน็ต Windows 7 - Share Wireless For Windows 7

เริ่มที่
16-6-2556 19-16-42
1. ให้เปิดหน้าต่าง Network and Sharing Center โดยการคลิกขวาตามรูป แล้วเลือก Open Network and Sharing Center หรือการคลิกขวาที่ My Network เลือก Properties


16-6-2556 19-19-29
2. พอมาถึงหน้าต่างนี้ให้ทำการคลิกที่ Set up a new connection or network (สี่เหลี่ยมสีแดง)


16-6-2556 19-22-40
3. ก็จะได้หน้าต่างแบบนี้ออกมาอีกหนึ่งอัน ให้ทำการคลิกที่ Set up a wireless ad hoc (computer-to-computer) network (ในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดง)


16-6-2556 19-26-55
4. จะได้หน้าต่างแบบนี้ให้ทำการกด Next


16-6-2556 19-28-46
5. พอได้หน้าต่างแบบนี้
-ในช่อง Network name ให้ตั้งชื่อเครือข่าย(ชื่ออะไรก็ได้)
-ในช่อง Security type จะมี No authentication(Open)เลือกเพื่อไม่กำหนัดรหัสผ่าน , WPA2-Pessonal เลือกเพื่อกำหนดรหัสผ่าน
-ในช่อง Security key ให้ใส่รหัสผ่านการใช้ไวเลส (ถ้าเลือกแบบ WPA2-Pessonal) เสร็จแล้วให้ทำการกด Next



16-6-2556 19-36-53
6. พอมาถึงหน้าต่างนี้ให้ทำการคลิกที่ Turn on Internet connection sharing


16-6-2556 19-39-38
7. ถ้าขึ้นว่าแบบในรูป แสดงว่าการตั้งค่าการแชร์ไวเลสเสร็จสมบูรณ์


16-6-2556 19-42-17
ก็จะได้เป็นแบบในรูปด้านบน
ข้อควรระวัง
- หากเครื่องมีโปรแกรมสแกนไวรัสที่มีระบบ Firewall ให้ทำการปิดระบบ Firewall ก่อน
- อย่าลืมเปิดไวเลท

ดูวีดีโอประกอบ